2017 French Presidential Election: Emmanuel Macron's Triumph Over Marine Le Pen and its Seismic Impact on European Politics
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ค.ศ. 2017 ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในวงการการเมืองยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ แอมมานูเอล มาครง ผู้ก่อตั้งพรรค “En Marche!” (ตอนนี้คือ Renaissance) และอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ขึ้นสู่นั่งตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส หลังเอาชนะมาเรีย ลี เพิน ผู้นำพรรคแนวขวาจัด “National Rally” (เดิมชื่อ “Front National”)
มาครง วัย 39 ปี ซึ่งไม่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน โด่งดังจากความสามารถในการสร้างนโยบายและวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า เขาเสนอโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง รวมถึงการเพิ่มสิทธิแก่แรงงาน การลดภาษี และการลงทุนในด้านพลังงานสะอาด
ส่วนมาเรีย ลี เพิน พรรค “National Rally” เป็นที่รู้จักจากนโยบายต่อต้านอพยพ การหวงแหนชาตินิยม และความคิดเห็นต่อต้านสหภาพยุโรป แม้จะมีคะแนนนิยมสูงในหมู่ผู้เลือกตั้งบางกลุ่ม แต่ก็ถูกหลายฝ่ายวิจารณ์ว่ามีแนวคิดที่แบ่งแยกและล้าหลัง
การแข่งขันครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้าระหว่างสองโลกทัศน์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกด้านหนึ่งเป็นมาครง ที่เสนอนโยบายที่เน้นการรวมตัว การ 개방 และความก้าวหน้า อีกด้านหนึ่งคือ ลี เพิน ซึ่งยึดถือแนวคิดชาตินิยม ความอนุรักษ์นิยม และความหวงแหน
ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าคนฝรั่งเศสส่วนใหญ่ต้องการเดินหน้าไปข้างหน้า
มาครงได้รับคะแนนเสียงกว่า 66% ขณะที่ ลี เพิน ได้คะแนนเพียง 34% นับเป็นชัยชนะที่เหนือกว่าอย่างเด่นชัด
การชนะของมาครงส่งผลกระทบต่อทั้งฝรั่งเศสและยุโรปอย่างกว้างขวาง:
- ในฝรั่งเศส มาครงเริ่มดำเนินโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างก้าวหน้า รวมถึงการลดภาษี การปรับปรุงกฎหมายแรงงาน และการลงทุนในด้านนวัตกรรม
- ในยุโรป การเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงกระแสต่อต้านชาตินิยมที่กำลังเกิดขึ้นในทวีป
มาครง สถาปนาตัวเป็นผู้นำฝ่ายเสรีนิยมของยุโรป และได้ร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อขัดขวางการแพร่กระจายของแนวคิดลัทธิชาตินิยม
ผลการเลือกตั้งนี้ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและสหภาพยุโรปด้วย
มาครงสนับสนุนความรวมตัวของสหภาพยุโรป และได้ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้ง ค.ศ. 2017 ไม่ใช่จุดจบของการต่อสู้ทางการเมือง
ลี เพินยังคงมีอิทธิพลในฝรั่งเศส และแนวคิดชาตินิยมก็ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อความสามัคคีของยุโรป
มาครงและผู้นำยุโรปคนอื่น ๆ ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาความเป็นประชาธิปไตยและเสรีนิยม
ผลกระทบระยะยาวของการเลือกตั้ง ค.ศ. 2017
ด้าน | ผลกระทบ |
---|---|
เศรษฐกิจฝรั่งเศส | การปฏิรูปเศรษฐกิจของมาครง ช่วยให้ฝรั่งเศสเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างงานได้ |
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | มาครง สถาปนาตัวเป็นผู้นำของยุโรป และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ |
การเมืองฝรั่งเศส | การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้เกิดการแบ่งแยกทางการเมืองในฝรั่งเศส |
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ค.ศ. 2017 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้งฝรั่งเศสและยุโรป การชนะของมาครงเป็นสัญญาณว่าประชาชนฝรั่งเศสต้องการเดินหน้าไปข้างหน้า และความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า
หมายเหตุ: บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการเท่านั้น และไม่ใช่การสนับสนุนหรือต่อต้านบุคคลหรือพรรคการเมืองใด